ท่อ PPR กับท่อ PVC ต่างกันอย่างไร? เลือกใช้แบบไหนดี

การเลือกใช้ท่อประปาในระบบน้ำดีของบ้านหรืออาคาร มีความสำคัญไม่แพ้งานโครงสร้าง เพราะหากเลือกวัสดุท่อไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหารั่วซึมหรือชำรุดในอนาคตได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ แรงดันน้ำ หรือ ระบบน้ำร้อน จึงมีคำถามยอดนิยมว่า “ท่อ PPR กับท่อ PVC ต่างกันอย่างไร?” และ “ควรเลือกใช้แบบไหนดี?”

บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน พร้อมคำแนะนำสำหรับผู้รับเหมาหรือเจ้าของบ้านที่ต้องการเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการต่อกับท่อเดิม การใช้งานกับระบบน้ำแรงดัน หรือเรื่องความคุ้มค่าในระยะยาว

ความแตกต่างของท่อ ppr กับ ท่อ pvc

ความแตกต่างระหว่างท่อ PPR และท่อ PVC

วัสดุและคุณสมบัติ

  • ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer): หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ท่อเขียว” เหมาะสำหรับทั้ง ระบบน้ำดี และ ระบบน้ำร้อน โดยเฉพาะรุ่น PPR PN10 และ PPR PN20 ซึ่งหมายถึงระดับแรงดันที่สามารถรองรับได้ (10 บาร์ และ 20 บาร์ ตามลำดับ) ท่อ PPR คือ ทางเลือกที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีเครื่องทำน้ำร้อน หรือโรงงานที่มีระบบน้ำแรงดันสูง
  • ท่อ PVC (Polyvinyl Chloride): เป็นพลาสติกแข็ง ราคาถูก หาง่าย ติดตั้งง่าย นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบประปาทั่วไป โดยเฉพาะ ระบบน้ำเย็น อายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปี เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไป

การติดตั้ง

  • ท่อ PPR จะใช้วิธีการเชื่อมด้วยความร้อน ทำให้ท่อ และข้อต่อเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน ลดปัญหาท่อรั่วซึม มีความแข็งแรงสูงกว่าแบบกาว เหมาะกับบ้านที่ต้องการเดินท่อฝังผนัง หรืองานที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว
  • ท่อ PVC จะใช้วิธีการต่อด้วยกาว ซึ่งหากกาวเสื่อมสภาพอาจทำให้เกิดการรั่วซึมได้ ถึงแม้การติดตั้งจะทำได้ง่าย แต่ต้องตรวจสอบข้อต่อให้ดี เพราะกาวบางประเภทอาจเสื่อมสภาพเร็วหากสัมผัสความร้อนหรือความชื้น

ควรเลือกท่อ PPR หรือท่อ PVC เมื่อไหร่

งานระบบน้ำร้อน

ในกรณีที่ต้องการใช้งานกับเครื่องทำน้ำร้อน หรือเดินท่อในระบบน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูง ท่อ PVC ไม่สามารถรองรับได้ ในขณะที่ ท่อ PPR มีรุ่นที่สามารถรองรับอุณหภูมิได้สูงถึง 95°C เช่น PPR PN20 ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานระบบน้ำร้อน

งานระบบน้ำประปา

หากเป็นระบบน้ำเย็นทั่วไปที่ไม่มีแรงดันสูงมาก ท่อ PVC อาจเพียงพอ แต่หากเป็นบ้านที่ใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูง หรือมีการเดินท่อฝังในผนัง ควรเลือกใช้ท่อ PPR เพราะมีความทนทานมากกว่า ช่วยลดปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะบ้านที่มีแรงดันน้ำไม่สม่ำเสมอ ควรเลือกเกรด PPR PN10 ขึ้นไปเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของแรงดัน

การเลือกใช้ตามงบประมาณและอายุการใช้งาน

เมื่อเปรียบเทียบเรื่องราคาท่อ PPR กับ PVC ราคา จะเห็นว่า PPR มีราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว ท่อ PVC อาจเสียหายได้เร็วกว่าโดยเฉพาะหากติดตั้งไม่ดี หรือใช้งานผิดประเภท อายุการใช้งานของท่อ PPR เฉลี่ยอยู่ที่ 50 ปี ซึ่งมากกว่าท่อ PVC หลายเท่า เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการแก้ไขระบบท่อบ่อย ๆ

การประเมินต้นทุนจึงควรมองทั้งราคาท่อ ข้อต่อ ค่าติดตั้ง และอายุการใช้งานร่วมกัน เช่น หากต้องต่อท่อ ppr กับ pvc อาจต้องซื้อข้อลดหรือข้อต่อแปลงวัสดุ ซึ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในงบประมาณได้หากวางแผนล่วงหน้า

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติท่อ PPR vs PVC

คุณสมบัติท่อ PPRท่อ PVC
ความทนแรงดันสูง (PN10, PN20)ปานกลาง
ความทนความร้อนสูงถึง 95 องศาเซลเซียสต่ำกว่า 60 องศา
อายุการใช้งานสูงสุด 50 ปีประมาณ 10–15 ปี
วิธีการติดตั้งเชื่อมด้วยความร้อนใช้กาวประสาน
ความเหมาะสมในระบบน้ำดีดีเยี่ยมดี
เหมาะกับระบบน้ำร้อนเหมาะสมไม่ค่อยเหมาะสม

เพิ่มเติม: คำถามที่พบบ่อยจากลูกค้า

Q1: ท่อ PPR คือ อะไร?

A1: ท่อ PPR คือ ท่อพลาสติกที่ทนแรงดันและความร้อนได้ดี นิยมใช้ในระบบน้ำดีและน้ำร้อนในบ้าน อาคาร และโรงงาน

Q2: ขนาดท่อ PPR ที่นิยมใช้มีอะไรบ้าง?

A2: โดยทั่วไป ขนาดท่อ PPR มีตั้งแต่ 20mm, 25mm, 32mm ไปจนถึง 110mm โดยเลือกตามปริมาณการใช้น้ำและขนาดของอาคาร

Q3: ต่อ ท่อ ppr กับ pvc ได้หรือไม่?

A3: สามารถต่อกันได้โดยใช้ข้อต่อแบบพิเศษหรือการลดขนาดท่อ ต้องเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับวัสดุทั้งสองประเภท

Q4: ท่อ PPR กับ PVC ราคาต่างกันแค่ไหน?

A4: โดยทั่วไป ท่อ PPR จะราคาแพงกว่าท่อ PVC เล็กน้อย แต่แลกกับความทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน และลดความเสี่ยงในการรั่วซึม

Q5: ระบบน้ำดี ควรใช้ท่อแบบไหนดี?

A5: หากระบบน้ำดีในบ้านมีแรงดันน้ำสูง แนะนำให้ใช้ท่อ PPR PN10 หรือ PN20 เพื่อความปลอดภัยและความคงทนของระบบ

เลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับลักษณะงาน?

การเลือกใช้ท่อให้เหมาะสมกับลักษณะงานเป็นสิ่งสำคัญ หากเน้นเรื่องความทนทาน การใช้งานกับน้ำร้อน และแรงดันสูง ควรเลือก ท่อ PPR โดยเฉพาะรุ่น PPR PN10 หรือ PPR PN20 ส่วนงานที่ไม่ต้องการความทนทานสูงมาก และต้องการลดต้นทุนอาจเลือกใช้ ท่อ PVC ได้

ทั้งนี้ อย่าลืมว่าการติดตั้งที่ถูกต้อง การเลือกช่างที่มีความชำนาญ และการใช้ข้อต่อคุณภาพดี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบน้ำของคุณใช้งานได้ยาวนานโดยไม่มีปัญหาครับ