ความดันและอุณหภูมิส่งผลอย่างไรต่ออายุการใช้งานของท่อ PPR

          การใช้งานท่อน้ำในบ้านหรืออาคาร มีปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะเลือกใช้ คือ ความดันและอุณหภูมิในการใช้งาน ทั้ง 2 ปัจจัย เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะทั้ง 2 ปัจจัยนี้ส่งผลต่ออายุการใช้งานของท่อ ดังกล่าวคือ เมื่อความดัน (Pressure) สูง และอุณหภูมิ (Temperature) สูง จะเป็นปัจจัยที่เสริมกัน จะยิ่งทำให้อายุการใช้งานของท่อสั้นลง การเลือกท่อที่มีความหนามากขึ้นจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งตามมาตรฐาน DIN 8077  มีการแสดงตาราง Long term behavior ของท่อPPR ที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของแรงดันกับอายุการใช้งาน ซึ่งจะพิจารณาจากตารางสรุปแบบง่าย ๆ ได้ ดังนี้

ตารางแสดงอายุการใช้งาน ตามแรงดัน และอุณหภูมิ

ตารางแสดงอายุการใช้งาน ตามแรงดัน และอุณหภูม

กรณีที่ 1 ท่อประปาในบ้าน  ซึ่งมีการใช้แรงดันไม่สูงมาก ประมาณ 3-5 บาร์  ถ้าเลือกใช้ท่อ SDR11 PN10  ซึ่งสำหรับน้ำประปา เราเลือกพิจารณาที่ 30 องศาเซลเซียส  ที่อายุการใช้งาน 50 ปี  จากตารางจะเห็นได้ว่า สามารถรับแรงดันได้ 10.9 บาร์  ดังนั้น ท่อ  SDR 11 PN10 จะสามารถใช้เป็นท่อน้ำประปาได้เป็นอย่างดี

ตารางแสดงอายุการใช้งาน ตามแรงดันและอุณหภูมิของท่อ PPR กรีนไปป์

กรณีที่ 2 ท่อน้ำร้อนในบ้าน ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส  หากพิจารณาที่อายุ 50 ปี จะพบว่า ท่อ SDR 11 PN10  จะรับแรงดันได้ 4.3 บาร์ เห็นได้ว่า อุณหภูมที่สูงขึ้น จะทำให้การรับแรงดันของท่อต่ำลง

แต่ถ้าเราพิจารณาใช้ SDR6 PN20   ซึ่งหนาขึ้น จะพบว่า  รับแรงดันได้ 8.5 บาร์ ที่อายุการใช้งาน 50 ปี  ดังนั้น ควรเลือกท่อ SDR6 สำหรับเป็นท่อน้ำร้อน  จะทำให้มีการรับแรงดันที่มากกว่านั่นเอง

ตารางแสดงอายุการใช้งาน ตามแรงดันและอุณหภูมิของท่อ PPR กรีนไปป์

หรือสามารถใช้สูตรคำนวนอายุการใช้งาน ตาม DIN 8077  ตามด้านล่างเพื่อใช้ในการคำนวนได้

การคำนวณอายุการใช้งาน ตามแรงดัน และอุณหภูมิ ท่อ PPR กรีนไปป์