ท่อ PPR คืออะไร? ข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้
ท่อ PPR คือท่อโพลีโพรพิลีนที่นิยมใช้ในงานระบบน้ำประปา ระบบน้ำดี และระบบน้ำร้อน มาดูข้อดีและข้อเสียของท่อ PPR เพื่อตัดสินใจเลือกใช้ให้เหมาะสม
ท่อ PPR คืออะไร
ท่อ PPR คือ ท่อพลาสติกชนิดหนึ่งที่ผลิตจากโพลีโพรพิลีนแบบสุ่ม (Polypropylene Random Copolymer หรือ PPR) ซึ่งมีความแข็งแรง ทนความร้อนสูง และไม่มีสารเคมี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในระบบน้ำดื่ม ระบบน้ำร้อน และงานระบบน้ำดีในบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ โดยท่อ PPR ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ แทนที่ท่อ PVC และท่อเหล็ก เนื่องจากมีความปลอดภัย อายุการใช้งานนาน และไม่มีปัญหาเรื่องสนิมหรือสารเคมีตกค้าง ขนาดท่อ ppr มีหลากหลาย ตั้งแต่ 20 มิลลิเมตร ไปจนถึง 110 มิลลิเมตร หรือมากกว่า โดยทั่วไปแล้ว
ท่อ ppr ยาวกี่เมตร? มาตรฐานคือ 4 เมตรต่อท่อน ทำให้สะดวกต่อการขนส่งและติดตั้งในหน้างาน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกท่อได้ตามแรงดัน และอุณหภูมิที่ต้องการ เช่น ppr pn10 และ ppr pn20 ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับงานที่แตกต่างกัน
ข้อดีของท่อ PPR
ผลิตจากเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพ
ท่อ PPR ผลิตจากพลาสติกบริสุทธิ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ไม่ปนเปื้อนสารอันตราย และปลอดภัยต่อการใช้งานกับระบบน้ำดื่ม วัสดุประเภทนี้ยังช่วยลดการเสื่อมสภาพจากรังสี UV และสารเคมีในระบบท่อน้ำ
น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย
ท่อ PPR มีน้ำหนักเบากว่าท่อโลหะอย่างชัดเจน ทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง ลดเวลาและต้นทุนแรงงานโดยรวม ยังเหมาะสำหรับงานติดตั้งในพื้นที่แคบหรือสูง ซึ่งการใช้ท่อหนักอาจเป็นอุปสรรค
ความสะอาดและสุขอนามัย
ผิวภายในของท่อเรียบ ทำให้น้ำไหลได้สะดวก ไม่มีการสะสมของตะกรันหรือแบคทีเรีย จึงปลอดภัยสำหรับระบบน้ำดื่มหรือระบบในอุตสาหกรรมอาหารและยา
เชื่อมต่อด้วยระบบความร้อน ไม่รั่วซึม
การติดตั้งท่อ PPR ใช้วิธีการเชื่อมด้วยความร้อน ทำให้ท่อและข้อต่อหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการรั่วซึมในระยะยาวเมื่อเทียบกับระบบที่ใช้กาวหรือเกลียวเชื่อมต่อ
รองรับแรงดันและอุณหภูมิได้ดี
ท่อ PPR มีความสามารถในการทนแรงดันสูงและอุณหภูมิได้ถึง 95 องศาเซลเซียส โดยรุ่นที่รองรับแรงดันระดับต่างๆ เช่น ppr pn10 เหมาะกับระบบน้ำเย็นหรือแรงดันต่ำ ในขณะที่ ppr pn20 เหมาะกับงานที่ต้องรับแรงดันหรืออุณหภูมิสูง เช่น ระบบน้ำร้อนในโรงแรมหรือโรงพยาบาล
เหมาะกับระบบน้ำดี หรือน้ำประปา
ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำประปาภายในบ้าน อาคารสูง หรือโรงงานอุตสาหกรรม ท่อ PPR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะระบบน้ำดีที่ต้องการความปลอดภัยและคุณภาพในระยะยาว
ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลา
ด้วยเครื่องเชื่อมท่อ PPR ที่ใช้งานง่าย การติดตั้งจึงเป็นเรื่องที่รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้สารเคมีหรือกาว ลดความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในการติดตั้งและใช้งาน
ข้อเสียของท่อ PPR
ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าท่อ PVC
ท่อ ppr ข้อเสีย อย่างหนึ่งคือราคาต่อหน่วยสูงกว่าท่อ PVC ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของโครงการ โดยเฉพาะในงานที่มีระยะทางเดินท่อยาว แต่ในระยะยาว ท่อ PPR จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงและการรั่วซึมได้ดีกว่า
ต้องใช้เครื่องเชื่อมท่อ PPR
การติดตั้งท่อ PPR ต้องใช้เครื่องเชื่อมด้วยความร้อน เป็นเครื่องมือที่มีมูลค่าสูงกว่าการซื้อกาวทาท่อ แต่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่พันกว่าบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่อง และควรศึกษาวิธีการติดตั้งก่อนใช้งาน เพื่อให้มีความชำนาญในการใช้งานและมีความปลอดภัย เครื่องเชื่อมท่อ PPR หาซื้อได้ง่ายตามร้านตัวแทนจำหน่ายและโมเดิร์นเทรดทั่วไป
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานแรงดันและการใช้งาน
ท่อ PPR สำหรับระบบน้ำดีมีมาตรฐานแบ่งตามระดับแรงดันน้ำ ได้แก่ ppr SDR11 (pn10) และ ppr SDR6 (pn20) โดยค่า PN (Pressure Nominal) บ่งบอกถึงแรงดันสูงสุดที่ท่อสามารถรองรับได้ หากระบบของคุณมีแรงดันน้ำต่ำ เช่น บ้านพักอาศัยทั่วไป การเลือกใช้ ppr pn10 ก็เพียงพอ แต่หากเป็นระบบอาคารสูงหรือมีการใช้น้ำร้อน ควรเลือก ppr pn20 เพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน การเลือกขนาดท่อ ppr ที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจะช่วยลดปัญหาแรงดันตก และการสึกหรอของระบบในระยะยาว